บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

มุมมองเกี่ยวกับความรัก


ไม่ใช่ทุกข์เพราะรักแต่เพราะความไม่รู้
          พวกเราชอบใช้ชื่อของความรักที่ตรงกันข้ามกับความรัก อย่างเช่น ริษยา หึงหวง ก้าวก่าย ครอบครอง บอกว่าคือความรัก หรือแม้แต่ถ้าไม่สมหวังก็ต้องฆ่ากันตายไปข้างหนึ่งเพราะความรัก ผิดนะ ไม่มีปัญญา เราได้ยินข่าว เวลาที่วัยรุ่นมีความรักและขาดปัญญา ชอบคิดว่าถ้าเขาไม่อยู่กับเรา เราไม่สมหวัง เราก็ต้องฆ่าเขาและฆ่าตัวเราเองทิ้ง นี่น่าสงสารมาก จากความคิดผิด ขาดปัญญาจริงๆ และเมื่อไรที่เราเข้าใจปัญญาแห่งความเป็นจริงว่า ความรักคืออะไร เราจะสามารถใช้พลังแห่งความรักในการสร้างสรรค์อย่างที่หลวงพ่อบอก มันจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกับความดี อันนับในการจรรโลงชีวิตให้สูงขึ้น การที่ไปฆ่ากันนั้นนะ ไม่ใช่ความรัก เรียกว่าความเห็นแก่ตัว ความหลงผิด หลงคิดว่าเขาทำให้เราทุกข์
          มีผู้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ทุกข์ของเราเพราะเขาทำรึ พระพุทธเจ้าว่ามิใช่อย่างนั้น และคนถามก็ถามต่อ ถ้าเขาไม่ทำเราทำเองใช่ไหม บอกไม่ใช่อย่างนั้น เราก็ไม่ได้ทำ เขาก็ไม่ได้ทำ แล้วความทุกข์ในหัวใจเราที่มันบอบช้ำ ใครเป็นคนทำ จะได้ไปฆ่าทิ้งซะ ตอบว่า ความไม่รู้ ความไม่มีปัญญา ทำให้เกิดความอยาก และปรุงแต่งว่าเป็น “เรา” นั่นแหละ คือเหตุแห่งความทุกข์



ความรักที่แท้
          เราอยู่ในช่วงเวลาของความผลิแย้ม ดอกไม้ที่เริ่มผลิแย้มทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้า ดอกชมพู่มะเหมี่ยว ดอกภู่ระหง ดอกกุหลาบ ทุกชนิดจะสวยหมดแหละ ชีวิตของเยาวชนก็กำลังอุดมและเบ่งบานเต็มที่ ทั้งศักยภาพของร่างกายและจิตใจ ฉะนั้นเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะชื่นชมในรูปสมบัติ ความงามที่เราได้มาของกันและกัน ตรงนี้เราต้องมีปัญญามาก เราต้องชื่นชมของขวัญ หรือสิ่งที่ได้มาของแต่ละคนอย่างมีปัญญานะ ไม่ใช่ อย่างเห็นแก่ตัว ถ้าเราใช้ไปด้วยความเห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจ คิดว่านี่คืออริยทรัพย์ที่ได้มา และต้องใช้เพื่อเอาประโยชน์ตน เพื่อแย่งชิง เพื่อให้ได้ความรัก การครอบครอง ก็จะเกิดโทษมหันต์ ความงาม ความเยาว์วัย และความรัก มันเป็นดอกไม้ของกาลเวลาและเป็นของขวัญของธรรมชาติที่อบอุ่น แต่เราต้องใช้อย่างมีปัญญา
          หลวงพ่อตอนเด็กๆ มีคำถามอยู่สองคำถามที่ต้องค้นหาให้เจอในชีวิต คำถามแรกที่สงสัยมาตั้งแต่เด็ก “ชีวิตคืออะไร” ต้องการหาคำตอบให้ได้ คำถามที่สองสงสัยอยู่เหมือนกันว่า “ความรัก” น่ะมันมีจริงหรือเปล่า ความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร เคยอ่านในหนังสือนิยายว่า ความรักหล่อเลี้ยงโลกทั้งใบมันจริงหรือ
          ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เราต้องรู้จักเรียนรู้ว่า ความรักคืออะไร มันมีจริงหรือเปล่า และมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ ลองดูให้ดีนะเวลาที่เราเจอเพศตรงข้าม อันดับแรกเลย สายตาและปัญญาเราไม่ค่อยจะคมกล้า ผู้ชายส่วนใหญ่จะมองผู้หญิงสวยไปหมดนะ เพราะแยกไม่ค่อยออกว่าต่างกันตรงไหน พอโตขึ้นนิดหนึ่งเราแยกแยะออกว่า สวยตรงไหน สวยแบบไหนกันแน่



ความรักเกิดจากความเข้าใจในสายสัมพันธ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันของธรรมชาติ
          ใครเชื่อบ้างว่าในลูกแตงโมมีดวงตะวันอยู่ ลองเอาลูกแตงโมมาผ่าดูมีดวงตะวันไหม มีนะ ไม่ใช่สีแดงเฉยๆ ความอบอุ่นจากแสงตะวันต่างหาก เพราะทำให้ลูกแตงโมสุกได้ เห็นไหมว่า ทุกชีวิตเป็นสายสัมพันธ์ ในมะม่วงอกร่องก็มีดวงจันทร์ฉายอยู่นะ ไม่เชื่อไปผ่าดูมีสีเหลืองนวลหวานฉ่ำ มันอาศัยค่ำคืนอันเหน็บหนาวบ่มเพาะให้เกิดความหอมหวานในตัวมันนะ
          ที่เข้าค้อ ก่อนที่หลวงพ่อจะลงมานี่ไม่สบายมาก อบรมชาวบ้านเสร็จก็เป็นไข้ ไม่มีแรงเลย แต่ก็ต้องขึ้นมาอบรมพวกเขาต่อ ตอนเดินขึ้นมาก็แหงนมองท้องฟ้า เห็นกลีบของราตรีที่คลี่บาน เห็นดวงดาวระยิบระยับหยาดเยิ้มอยู่ในเวหา สร้างความสดชื่นคืนพลังให้แก่ชีวิต เราเห็นว่าชีวิตคือ กระแสสัมพันธ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันของธรรมชาติทั้งหมด เราสามารถจะดูดซับเอาพลังแห่งความดีงามวันนั้นเป็นกำลังใจ ดวงดาวกินไม่ได้นะ แต่ให้ความหวังอันงดงามของชีวิต ชีวิตเราไม่ใช่เศษเสี้ยวของจักรวาล แต่เป็นหนึ่งเดียวของสายสัมพันธ์ทั้งหมด มีแต่กระแสสัมพันธ์ในนั้น ไม่มีคำว่าฉัน ไม่มีเรา เราอย่ามองที่เปลือกแห่งความแตกต่าง ให้เรามองทะลุเปลือกเข้าไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่ร่างกายที่เราใช้ลมหายใจเดียวกัน สายน้ำอันเดียวกัน ผลไม้จากแหล่งนมของแผ่นดินเดียวกัน หากเราเข้าใจสันติภาพจึงเกิดขึ้น สุขจะเกิดขึ้นในหัวใจเรา เราจะมองทุกชีวิตด้วยความสงสาร ด้วยความเมตตา แทนที่จะทับถมและทำลาย แต่เราจะรักษาสันติไว้ ให้โลก เพื่อมนุษย์รุ่นหลังที่จะตามมาจะได้รับฟังคำสอนที่ถูกต้องและมีหนทางที่ถูกต้อง เวทีของสังคมโลกจะวิวัฒน์ หรือวิบัตินั้นอยู่ในกำมือของพวกเรา
          ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่ว่าอีกยี่สิบปีจะขึ้นเวทีแล้วค่อยไปชก มันไม่ได้ ต้องซ้อมไว้ก่อนตั้งแต่วันนี้ ซ้อมอย่างไร ซ้อมด้วยความรู้สึกตัว ด้วยจิตที่เป็นปกติ ด้วยจิตที่เป็นสันติ ด้วยจิตที่เป็นปัญญา ที่ไม่คิดเบียดเบียน เราพัฒนาปัญญาของเราให้งอกงามและผลิแย้มไปสู่ความสว่างไสวมากขึ้น มนุษย์จะได้ไม่เป็นมนุษย์ถ้ำตลอดเวลา จะได้ไม่เป็นหัวหน้าเผ่าที่จะครอบครองพื้นแผ่นดิน เพื่อครอบครองผลประโยชน์ แต่จะเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกันและกัน และแบ่งปันผลไม้ที่มันมีมากพอเหล่านี้ให้กับพวกเราทุกๆคน และเพียงพอที่จะไปหล่อเลี้ยงร่างกาย เพื่อผลิแย้มเป็นปัญญา ดวงใหม่ให้มากกว่าที่มีอยู่



 
คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า
          วันหนึ่งหลวงพ่อได้ประจักษ์กับตัวเอง ตอนที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาไม่สวยเลย ไม่อยู่ในสายตาเลย ผอมแห้ง หน้าตกกระ และเดินเสียงดัง เราไม่ค่อยชอบเลย เพราะไม่สวยแล้วยังเดินเสียงดังอีก วันหนึ่งเห็นภารโรงขึ้นไปแบกเก้าอี้ชั้นสอง เด็กผู้หญิงคนที่หน้าตกกระ ผอม และไม่สวยคนนี้ แกลุกขึ้นวิ่งจากโต๊ะและก็ไปแบกโต๊ะลงมา เหลียวไปมอง โอโฮ เห็นความงามในจิตใจ เธอทำได้อย่างไร ขณะที่คนอื่นนั่งเฉย เรามองทะลุผ่านใบหน้าตกกระและร่างกายที่ผ่ายผอม มองพรวดถึงหัวใจที่งดงาม เราทำตามบ้างเพราะเห็นความงาม เราลุกขึ้นไปช่วยเขาแบกโต๊ะบ้าง เห็นไหม มันรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความดี ความรู้สึกนึกคิด นิสัยก็เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่เป็นหนึ่งเดียวกันแต่ด้านร่างกายเท่านั้น คนที่จดทะเบียนแต่งงานกัน ทำไมยังทะเลาะกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รักอมตะ ทุกคนเห็นหรือยังว่ามันมีจริงนะ มันมีจากที่เราชื่นชมในความดี ความดีมันอยู่ที่ใครเราก็รักไว้ตรงนั้น รักความดีที่อยู่ในตัวเขาต่างหาก แม้ร่างกายจะเหี่ยวเฉาไป แต่ความดียังอยู่ ส่วนความรักก็ยังอยู่เป็นหนึ่งเดียว ถึงคนนั้นตายไปแล้ว มันก็ไม่รู้สึกว้าเหว่ โหยหา หรือว่าขาดหาย เพราะไม่ได้หายไปไหน เพราะความรักและ ความดีนี้อยู่ในหัวใจ
          เด็กๆ ต้องเลือกให้เป็น เรามีจิตวิญญาณและเป็นดวงจิตที่เดินทางในห้วงวัฎฎสงสารที่เวิ้งว้าง อยากมีเพื่อนร่วมเดินทาง เราต้องเลือกที่มีศรัทธาเสมอกันนั้น มันจะเป็นกำลังใจ เพราะเรามีเป้าหมายร่วมกันชัดเจน จึงมีจุดเริ่มต้นร่วมกัน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ส่งเสริมในความดีงามซึ่งกันและกัน



มีสติเพื่อความเบิกบาน
          ต้นทางของชีวิต ต้นทางของความงอกงาม เราต้องทำเหตุใกล้ของมัน ต้องรู้จักเหตุของความเจริญ เหตุของความเจริญคืออะไร คือทำทุกย่างก้าวของเราอย่างมีสติ ต้องมีสติในสิ่งที่เราทำและจะมีความสุข และมีความเบิกบาน
          พระเด็กรูปที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง ท่านเห็นพ่อท่านเสียชีวิตและแม่ร้องไห้ มีความสงสารจับใจขึ้นมาทันที เลยว่าไม่อยากเห็นคนเป็นทุกข์เลย อยากช่วยให้คนพ้นทุกข์ ท่านตัดสินใจออกบวชอย่างมีเป้าหมายแน่นอน อธิษฐานเลยว่าจะบวชเพื่อมาช่วยคนให้พ้นทุกข์ จะไม่เสียดายแรงงานแรงกายทั้งหมดของชีวิตเลย สิ่งที่ได้มา ท่านเสียสละคืนส่วนรวมหมด
          มีพระผู้ใหญ่ไปบวชนำปัจจัยมาให้พระเด็กองค์นี้ ท่านก็รีบเอาไปหยอดตู้บริจาคสร้างวัดทันทีเลยจากสิ่งที่ได้มา ท่านรีบทำความดีทันที ไม่ต้องไปรอเวลาว่าเมื่อนั้น เมื่อนี้ ทำทุกขณะกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ทำเพื่อที่จะอยู่ข้างหน้า ไม่ได้มีแผนมาก่อน ว่าชีวิตของท่าน จะไปเก็บขยะที่วัด จะไปปลูกต้นไม้ที่วัด และท่านไม่ได้ตั้งใจจะไปอยู่ที่วัดด้วย ท่านบังเอิญไป
          กับหมู่คณะ วันนั้นหลวงพ่อไปบรรยายที่ธรรมศาสตร์ และ พระอาจารย์ดุษฎีก็ประกาศว่าใครจะตามไปปฏิบัติที่วัด หลวงพ่อพร้อมจะออกค่ารถ ค่าเดินทางให้ พระเด็กรูปนี้ก็ไปด้วย ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าไปกับหมู่คณะเลย พอไปถึงที่วัดแล้วมีความสุข ก็เลยไม่ได้กลับมากรุงเทพฯ อีกต่อไป
          ท่านไปอยู่ที่วัด โดยไม่ได้มีแผนว่าจะไปเก็บขยะ ไปปลูกต้นไม้ แต่ทำทุกปัจจุบันขณะอย่างงดงาม อย่างมีความสุข และเป็นตัวอย่างให้กับชุมชนอย่างเงียบกริบ ชุมชนได้เรียนรู้อย่างเงียบกริบ การทำความดีนี่มันเกิดขึ้นจากปัจจุบันขณะ ก็จะทำให้มีชีวิตอยู่อย่างไม่แห้งแล้ง ถ้าเราสามารถเข้าใจเรื่องของกระแสสายสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันได้ ชีวิตก็จะไม่แห้งแล้ง 
          สมัยก่อนตอนหลวงพ่อเป็นฆราวาส ไปอยู่ป่าเขาคนเดียว คนสงสัยมาก ไปอยู่ได้อย่างไร มันน่าจะเหงา มันน่าจะดูแห้งแล้ง ไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก เดินผ่านใบไม้อ่อนสักใบหนึ่ง เอามือไปจับใบไม้ เหมือนจับมือเด็กสักคนหนึ่ง มันเป็นเพื่อนกัน มีความสดชื่นขึ้น เรามีเพื่อนอยู่รอบตัวเรา เห็นมดเดินผ่าน มดตัวนั้นอาจเคยเกิดมาเป็นญาติพี่น้องกับเรา วันนี้มันมาเป็นมด มันน่ารักจริงๆ ดูแล้วมันมีความสุข เรายังมีเพื่อนร่วมชีวิต ยังมีเพื่อนร่วมความรักอยู่ข้างๆ เรา แม้แต่เห็นหมาขี้เรื้อนนอนในพุทธมณฑล มองหมาขี้เรื้อนยังหลงรักเลยนะโยม แต่ไม่ใช่รักเพื่อจะไปครอบครอง แต่รักมันด้วยความปรารถนาดี รักด้วยอยากให้เขามีความสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ แม้ชีวิตมันแห้งโหย แต่ขณะใดที่เราคิดจะให้ ชีวิตจะมีพลังแห่งความชุ่มชื่นขึ้นมา มีน้ำพุอันศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นมาในจิตใจ ร่างกายเราแผ่ซ่านด้วยความสุข มันมีความชุ่มชื่นแห่งความรักที่หล่อเลี้ยงอยู่ 

 
ศัตรูตัวฉกาจคือความอยากในใจเรา

          ถ้าเราจัดการกับศัตรูผิดตัว ทุกข์เราจะเพิ่มขึ้น ถ้าเราจัดการกับศัตรูถูกตัว ความทุกข์ถึงจะหาย ศัตรูที่ถูกตัวคืออะไร คือความอยากในหัวใจเรานั่นเอง คือความไม่รู้จักพอในหัวใจต่างหาก ไม่ใช่เขา และไม่ใช่เรา  ความอยากไม่ได้มีตัวตนนะ มันสั่งให้เราทำ สั่งให้เราด่า สั่งให้เราโลภ  หันไปดูซิว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร มันไม่มีตัวตนด้วยซ้ำไป 

การพัฒนาปัญญาเชิงสร้างสรรค์
          เราควรพัฒนาปัญญาขึ้นมาด้วยความคิดเชิงสร้างสรรค์ ไม่ปล่อยเวลาจมปลัก ในการคิดที่จะเบียดเบียนหรือคิดที่จะโลภ “ให้รู้จักพอ” นี้คือคำสอนของพระพุทธองค์นะ สิ่งที่จะทำให้ปัญญาตีบตันมีอยู่สามอย่าง 
          อย่างแรก คือความคิดที่จะโลภไม่รู้จักพอ ปัญญาตันแน่นอน อย่าไปคิดว่าพวกโลภเขาเก่ง เขาฉลาด กอบโกยได้มาก การทำอย่างนั้น แท้จริงไม่มีปัญญา ถ้าคนมีปัญญาจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะมันรู้ว่าบั้นปลายจะรับผลอย่างไร อย่าไปมองขโมยตอนเวลาที่เขากิน มันไปขโมยของมากินอุดมสมบูรณ์ มองมันตอนติดคุกบ้าง มันทรมานแค่ไหน อย่าไปมองคนที่เมายาบ้าตอนคึกคะนองสนุกสนาน มองตอนที่มันรับผลบ้างว่าผลที่มันได้รับเสียหายต่อครอบครัวต่อสังคมขนาดไหน
          ฉะนั้นพวกเราก็เหมือนกัน เราเป็นเยาวชนที่มีพลังอยู่มากมาย ใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ เสียสละไม่ใช่กอบโกย ที่วัดอาตมามีพระเด็กรุ่นๆ ไปอยู่ 1 รูป หลวงพ่อนะเดินจงกรมตอนตีสองหน้ากุฏิ เห็นเงาดำทะมึนสูงๆ มายืนอยู่บนยอดเขาไม่ไกลเท่าไร มันอะไรกัน นั่นผีหรือคนแปลกหน้าที่ไหน ก็เลยร้องถามไปว่าใครนะ ได้ยินเสียงว่า ผมเองครับ เราถามว่าจะไปไหน  ผมเห็นหลวงพ่อเดินจงกรมอยู่ ผมไม่กล้าเดินผ่าน ผมจะไปรดน้ำต้นไม้ครับ พลังเยอะ ตื่นตั้งแต่ตีสอง เริ่มทำความดีแต่มืด อีกครั้งหนึ่ง คนงานสร้างกุฏิและทาสีเสร็จ เขาก็เอากระป๋องสีโยนทิ้งหมกอยู่ในดงป่า พระรูปนี้ไปเห็นเข้า ท่านจบปริญญาตรีเหมือนกันนะ ท่านเอาสายไฟไปร้อยกระป๋องสีอีรุงตุงนังที่หมกอยู่ในราวป่า แบกมาเต็มเลย แบกเอาไปไหน ไปให้ชาวบ้านเพื่อให้เขาเอาไปขายเป็นประโยชน์ได้ นี่คือการใช้พลังที่มีอยู่อย่างมากมาย  เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น
          พระรูปนี้เวลาท่านปลูกต้นไม้  มันมีถุงดำใช่ไหม พอท่านปลูกต้นไม้ลงแล้ว ถุงดำนะท่านเอามาพับทีละใบๆ เด็กชาวบ้านที่เคยปลูกต้นไม้มาเห็นท่านนั่งพับอยู่ ก็ลุกขึ้นไปช่วยพับ อย่านึกว่าการกระทำเล็กๆ นะมันไม่มีผล เด็กชาวบ้านรู้จักใช้สิ่งของต่างๆ อย่างคุ้มค่า รู้จักความงดงามของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มันส่งต่อไปยังเมล็ดพันธุ์อย่างเงียบกริบ โดยไม่ต้องสอน 
          พระรูปนั้นทำอะไร เขาใช้พลังงานทุกๆ ย่างก้าวอย่างมีประโยชน์  อย่างมีความสุข อย่างมีความเชื่อมั่น ทำมาจากฉันทะ ทำด้วยความรัก  ด้วยความสุข จากความเบิกบานอันนั้น และความเบิกบานทำให้เกิดอะไรรู้ไหม ความเบิกบานทำให้เกิดความสุข เกิดสมาธิ สมาธิเป็นเหตุให้เกิดปัญญา หลวงพ่อบอกแล้วว่าปัญญาในศาสนาพุทธทำไม่ได้ อย่าไปทำปัญญาขึ้นมานะ  ไม่มีใครหรอกที่จะทำผลไม้ได้ เพราะผลไม้มันงอกงามจากดอกไม้ ไม่มีใครทำดอกไม้ได้หรอก เพราะดอกไม้มันงอกงามจากกิ่งก้าน ไม่มีใครทำกิ่งก้านได้หรอก เพราะกิ่งก้านมันงอกงามจากเมล็ด แล้วใครทำเมล็ดได้ล่ะ มันมาจากเหตุปัจจัยที่พอเหมาะพอดี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น